Prathan Thananart

Entrepreneur · Technoarbitrageur · Transhumanist

Page 3


This is how Bakers work

วันนี้ครบรอบ 4 ปีที่ผมทำงานที่นี่

ผมเคยนึกว่าการทำ startup คือการสร้าง product, ความจริงแล้วมันคือการสร้าง team ที่มาสร้าง product อีกทีหนึ่ง และ team ก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราได้สร้างขึ้นมา

หน้าที่ของ founder เหมือนกับชาวสวน เราต้องสร้างสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ชั้นดี และคอยเล็มวัชพืชอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสภาพแวดล้อมนี้กลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า Playbook

มันไม่ใช่คำขวัญวันเด็ก หรือวิสัยทัศน์แบบบริษัทอื่น เพราะฉะนั้นมันจะไม่บอกอะไรที่กำปั้นทุบดินเช่น “ใฝ่ใจหาความรู้” หรือ “ทำงานหนัก เล่นให้หนักกว่า” แต่มันจะแนะนำสิ่งที่เราแตกต่าง เช่น ถ้ามีทางเลือกที่สูสี ระหว่างสิ่งที่เคยชินกับสิ่งที่ท้าทายให้เราได้เรียนรู้ ให้เลือกสิ่งที่ท้าทายกว่า

ในปี 2017 รายได้ของ Page365 จะทะลุ 1 ล้านบาท/เดือน แต่สิ่งที่ผมภูมิใจกว่า คือเราสร้างดอกผลนี้จากวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง มีรากฐานอยู่บนความโปร่งใส มีความกล้าที่จะถกเถียงกันในทุกกระบวนการ

และนี่คือ Playbook...

Continue reading →


Retrospective

เรื่องดีๆ ที่นึกออกอย่างแรกของปี 2016 คือปีนี้อ่านหนังสือจบ 15 เล่ม

ถึงจะเป็นนิยายซะเกินครึ่ง แต่ก็เป็นนิยายฮิวโก้ เนบิวล่า ห้าดาว ที่คุ้มค่าแก่การอดหลับอดนอนทั้งนั้น นอกจากนี้ยังบรรลุความตั้งใจอีกข้อ คือขยายขอบเขตการอ่านของตัวเอง โดยใช้ Goodreads แอบดูว่าเพื่อนๆ อ่านอะไรกันแล้วซื้อตาม ปีนี้เลยได้เปิดโลกเพิ่มขึ้นด้วยแนวคิดจากหนังสือคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ชีววิทยา (ไว้จะทยอยมารีวิว)

ถ้า 2015 เป็นปีที่เริ่มเที่ยวคนเดียว, 2016 ก็เป็นปีที่เริ่มเที่ยวแผลงๆ คนเดียว ไปพิชิตยอดเขาเอง 2 ลูก ไปกับเพื่อนที่แล็บอีก 1 ลูก สอบเซอร์แล้วไปดำน้ำอีก 10 ไดฟ์ ทีนี้พอเที่ยวถี่ขึ้นทริปมันก็ภูธรขึ้นเรื่อยๆ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ นี้ไม่มีแล้ว กลายเป็นมาเลย์ เขาค้อ เกาะหมาก ตามลิมิตทางงบประมาณ

ถ้า 2015 เป็นปีของยิม, 2016 ก็เป็นปีของคาร์ดิโอ เริ่มต้นปีด้วยการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ ต่อด้วยวิ่งผลัดอีก 2 งาน แถมสมัครวิ่งเทรลข้ามไปถึงปีหน้า เลยต้องขยันซ้อมมากขึ้น...

Continue reading →


เรื่องที่นึกแล้วทึ่งอยู่เสมอ

  1. เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายเราเป็นผลผลิตของห่วงโซ่การแบ่งเซลล์ที่ไม่เคยขาดตอนเลยเป็นเวลา 3,500 ล้านปี บรรพบุรุษของเราได้เอาชนะภัยพิบัติ ผู้ล่า และโรคระบาดทุกชนิดในประวัติศาสตร์ เพื่อส่งมอบ DNA นี้ให้เรา
  2. การกลายพันธุ์แบบสุ่ม + การคัดสรรตามธรรมชาติ สร้างให้เรามีลูกตา ซึ่งมีความละเอียด 300 ล้านพิกเซล พร้อมการ์ดจอที่ดีที่สุดซึ่งตั้งค่าทุกช่องเป็น ultra
  3. ภายในชั่วชีวิตนี้ ผมจะเห็นการอัพโหลดสมองคนไปรันบนคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก และเราจะเข้าใจว่าวิญญาณเกิดจากอะไร (ปัจจุบันเราอัพโหลดได้แค่หนอนตัวกลม)
  4. แค่กดปุ่มบนโทรศัพท์ตามลำดับที่ถูกต้อง ผมจะคุยกับโอบาม่า, มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก หรือดาราเกาหลีคนไหนก็ได้
  5. เราได้สร้างห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรวมองค์ความรู้ในสาขาวิชาทุกแขนงเท่าที่จะจินตนาการ และเด็กทุกคนที่มีมือถือก็สามารถเข้าถึงมันได้ ไม่ว่าจะอยู่กาฬสินธุ์หรือกาน่า
  6. ก่อนผมอายุ 40 จะมีมนุษย์ไปเหยียบดาวอังคารเป็นคนแรก ตอนนี้น้องคนนั้นยังไม่รู้ตัว อาจจะเรียนจบแล้ว กำลังหางานทำอยู่ก็เป็นได้
  7. ...

Continue reading →


6 ตุลาคม 2519

ถ้านักศึกษาในยุค 6 ตุลาคม 2519 มี Facebook เขาคงสามารถจะทำคลิปตลกๆ เสียดสีการเมือง ทำมุกคาราโอเกะ กดไลค์และแชร์ข่าวที่วิพากษ์เผด็จการทหารได้ ภายใต้ความปลอดภัยของชื่อปลอมและเพจที่ host อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกปกป้องโดยรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มี เลยต้องใช้วิธีโบราณๆ อย่างเช่นแขวนป้ายผ้า จัดเสวนา และแสดงละคร แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาไม่ได้มาเขียนคอมเมนท์หยาบคาย หากแต่มาพร้อมปืน M16 และรอยยิ้มอันเลือดเย็น

ผมเรียนในโรงเรียนมัธยมว่า 6 ตุลาคม 2519 คือวันที่นักศึกษาใช้เสรีภาพเกินขอบเขต แต่เมื่อโตขึ้นผมถึงได้เรียนรู้ว่า การเสียดสีเป็นขั้นสูงสุดของศิลปะการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมันคือการใช้ปากกาไฮไลท์ความวิบัติบนผืนผ้าใบของความเป็นจริง ในวิชาโต้วาทีเรามีวลีละตินว่า reductio ad absurdum ที่หมายถึงการประชดให้สุดซอย เพื่อชี้ให้เห็นว่าตรรกะนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร

ผมไม่รู้จักใครจากยุค 6 ตุลาคม 2519 แต่ถ้าพวกเขาเกิดในยุคนี้ เขาคงเป็นซักคนที่ผมกด follow...

Continue reading →


Train To Busan

แก่นของหนังและนวนิยายซอมบี้ทุกเรื่องเหมือนกัน คือ โรคระบาดซึ่งมีมนุษย์เป็นเวคเตอร์ มีอัตราเสียชีวิต 100% มีระยะฟักตัวและสัมประสิทธิ์ความระบาด (R~0~) เป็นพารามิเตอร์ ส่วนซอมบี้นั้นเป็นแค่อาการของโรค

ดังนั้น แผนการรับมือกับซอมบี้ที่ถูกต้อง ก็เหมือนกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายเร็ว คือหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน เมื่อจำนวนคนมากขึ้นต้องแตกเป็นหลายกลุ่ม ในแง่ของยุทธวิธีอาจจะตั้งรับในวงล้อมเดียวกัน ภายใต้พันธะว่าแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบกันเอง เพื่อกักกันการระบาดอยู่ในวงแคบ ซึ่งกลุ่มอื่นสามารถตัดหางปล่อยวัดได้

ในช่วงแรกที่มีความสับสนและตื่นตระหนก ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจะเป็นอุปสรรค และทุกคนจะเฮโลตามคนที่มีภาวะผู้นำสูง ซึ่งคนนั้นอาจจะเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ห่วยแตก การจับกลุ่มเล็กๆ ช่วยให้เราต้องไว้ใจคนแค่ 10 คน แทนที่จะเป็น 50 และความเชื่อใจนี้จะเปิดทางไปสู่การทำงานร่วมกันเหมือนกลุ่มของพระเอก

อาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับโรคระบาดคือข้อมูลข่าวสาร ในความเห็นของผม...

Continue reading →


Mirrors

วันก่อนนั่งดูหนังสยองเกรดบีเรื่องนึงจนจบ

ผีในเรื่องนี้สิงอยู่ในกระจก แล้วจะบังคับให้เงาสะท้อนในกระจกทำสิ่งที่คนจริงๆ ไม่ได้ทำ เช่นเอามีดมาปาดคอตัวเอง แล้วคนนั้นก็ตายในชีวิตจริง

ตอนจบพระเอกเหมือนจะปราบผีได้ แต่กลับหลุดเข้าไปเป็นผีกระจกซะเอง ตัวหนังสือทุกอย่างที่พระเอกเห็นจะกลับซ้ายไปขวา แล้วหนังก็ตัดจบ

เมื่อวานตอนนั่งตัดผมก็มองป้าย KAMU ที่สะท้อนในกระจก ก็คิดถึงหนังเรื่องนี้ แล้วหงุดหงิดว่าทำไมกระจกถึงกลับภาพแค่ซ้าย-ขวา แต่ไม่ได้กลับบน-ล่าง ฟิสิกส์ไม่ควรจะเลือกที่รักมักที่ชังกับแกนไหนเป็นพิเศษสิ

ตอนแรกนึกว่าเป็นที่เรามีสองตาในแนวระนาบ แต่พอหลับตานึงทุกอย่างก็ยังกลับซ้าย-ขวาอยู่ดี

ทดลองเปิดกล้องหน้ามือถือขึ้นถ่ายป้ายด้านหลัง ตัวหนังสือก็จะกลับซ้าย-ขวา พอถ่ายเสร็จแอปกล้องจะแอบ flip รูปกลับให้

นั่งเครียดจนหัวเกือบแหว่ง

ตอนนี้คิดว่าได้คำตอบแล้ว แต่ไม่บอกหรอก ไปส่องกระจกดูเอง

Continue reading →


วิศวกร

เรื่องนี้ตลกดี ผมเคยนึกว่าทุกคนคิดแบบนี้ แต่ไม่, กระบวนการคิดแบบนี้คือ mindset ของวิศวกร: เราจะแยกส่วนปัญหาออกเป็นกล่องเล็กๆ แล้วสร้างแผนที่ว่ากล่องเหล่านั้นเชื่อมกันยังไงบ้าง, บางกล่องเรามีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่บางกล่องยังไม่รู้จักดี เราก็จะประเมินผลกระทบว่ามันเป็นกล่องที่สำคัญแค่ไหน, ถ้ายังประเมินไม่ได้ เราก็จะประเมินขอบเขตของความไม่แน่นอนนั้น, เพื่อหาว่า ด้วยทรัพยากรที่เรามี เราทำอะไรได้บ้างเพื่อสร้างผลลัพท์ที่เราต้องการ และลดโอกาสของความล้มเหลวให้ต่ำที่สุด ในสภาพแวดล้อมที่เราไม่อาจเข้าใจทุกอย่าง

องค์ความรู้ทางวิศวกรรมศาสตร์ทั้งหมดตั้งอยู่บนระบบความคิดนี้ ไม่ว่าคุณจะออกแบบเฟือง เกียร์ เครน เหมือง สะพาน อุโมงค์ หม้อแปลง หุ่นยนต์ ไมโครชิป วัสดุ ระบบสายพาน ซอฟต์แวร์

มานั่งดูว่ามีสาขาวิชาอื่นไหมที่ใช้ mindset แบบเดียวกัน ก็นึกได้อันนึงคือแพทย์ หมอมีโจทย์คล้ายกับวิศวกร คือไม่ได้เข้าใจทุกส่วน ต้องประเมินจากอาการ อาการยังไม่ชัดก็ต้องตรวจสอบเพิ่ม แล้วก็ต้องใช้ heuristics...

Continue reading →


ฟิตเนสกับบอย

(ขณะเพื่อนเล่นบาร์เบลเซ็ตสุดท้าย)
กูเซฟอยู่ ไม่ไหวให้ยกมือ

(ขณะเพื่อนเล่นบาร์เบลเซ็ตสุดท้าย)
ไม่ไหวก็วางดิ

(ตอนเดินผ่านเวตเพลตที่มีคนตั้งเรียงกัน)
ใครแม่งมาสร้างสโตนเฮนจ์ทิ้งไว้

(ตอนเพื่อนกำลังดื่มน้ำจากตู้น้ำพุ)
น้อง ๆ ตรงนี้ไม่ใช่ที่แปรงฟันนะ

(ขณะเพื่อนเล่นบาร์เบลเซ็ตที่สอง)
บอย: (หันไปกดแอลกอฮอล์ล้างมือ)
บอย: มึงดู มีเยลใส่ผมฟรีด้วย
ผม: มึงเล่นเหี้ยอะไรเนี่ย…

(ขณะเพื่อนเล่นบาร์เบลเซ็ตสุดท้าย)
บอย: ไม่ไหว ให้กดปุ่มแดง [ปุ่มปรับเก้าอี้]
ผม: ไอสัส ปล่อยมุกอีก บ้านบึ้ม
บอย: เช่าเค้าอยู่

(ขณะเล่นไตรเซ็ปเซ็ตแรก)
ผม: (ดึง)
บอย: One
ผม: (ดึง)
บอย: (เสียงเข้ม) Keep going

(ขณะเดินสวนกับมาริโอ้)
บอย: มาริโอ้ตัดผมทรงเดียวกับกูเลย
ผม: ต่อไปกูต้องเรียก โอ้ 1 โอ้ 2
บอย: มาริโอ้ กับ โอ้โห..ไอ้สัส

(ขณะเดินสวนกับณเดช)
บอย: หวัดดีพี่ นี่ผมก็เพิ่งมาจากกอง
ผม: กองถ่ายละคร
บอย: กองขยะ! หาของเก่าขาย

13737668_10154326375698703_2456823812002010827_o.jpg

Continue reading →


อาชีพ

ลองจัดสายอาชีพที่เกิดประโยชน์กับสังคมได้ 3 กลุ่ม

  1. สายที่พัฒนาตัวบุคคล เช่นอาจารย์ แพทย์ พยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างผลกระทบสูงต่อคนจำนวนน้อย คนที่รับบริการจากคนกลุ่มนี้อาจจะมีชีวิตที่เปลี่ยนหลังมือเป็นหน้ามือได้เลย ถ้ามีคนบอกให้นึกถึงบุคคลที่มีอิทธิพลกับชีวิตคุณมากที่สุด มักจะเป็นคนกลุ่มนี้ แต่ประวัติศาสตร์กลับไม่ค่อยจารึกพวกเขา เพราะผลกระทบของเขาเกิดขึ้นในวงแคบ คนเหล่านี้เชื่อในการพัฒนาคน เพราะเมื่อคนแข็งแรงก็จะเป็นรากฐานของสังคมที่แข็งแรง บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โลกจำนวนมากอาจไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่มีคนกลุ่มนี้เป็นเบื้องหลัง

  2. สายที่พัฒนาสังคมโดยตรง เช่นนักการเมือง เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สื่อมวลชน ตลอดจนสายอาชีพที่เป็นฟันเฟือง โฟร์แมน ตำรวจ คนกลุ่มนี้สร้างผลกระทบระดับกลางแต่เป็นวงกว้าง งานของพวกเขาอาจเป็นแค่การอำนวยความสะดวกให้สังคมขับเคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เมื่อคูณด้วยสเกลของสิ่งที่พวกเขาทำแล้ว มันอาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของคนนับแสน หรือผดุงความยุติธรรมในสังคม...

Continue reading →


เกมเศรษฐี

บอร์ดเกมที่ผมชอบเล่นมาตั้งแต่เด็กจนโตคือ Monopoly

คนส่วนมากเบื่อเกม Monopoly เพราะคิดว่ามันยืดยาดอะไรเบอร์นั้น แต่สาเหตุเกิดจากการเล่นผิดวิธี ไม่ว่าจะด้วยการเล่นเวอร์ชั่นก๊อบปี้ (“เกมเศรษฐี 2000”) หรือการไม่ยอมใช้กติกามาตรฐาน

กติกาของ Monopoly มีส่วนสำคัญสองส่วน คือระบบประมูล และอุปทานที่มีจำกัด ระบบประมูลเป็นการบังคับซื้อที่ดิน ถ้าผู้เล่นเดินไปตกช่องที่ยังไม่มีเจ้าของ แล้วไม่ซื้อ ที่ดินแปลงนั้นจะออกขายทอดตลาดโดยอัตโนมัติ ทุกคนจะเข้าสู่เวทีประลองยุทธ์อันเหี้ยมโหด ทั้งฮั้ว ปั่นราคา ขวางคลอง ช้อนไว้ขายต่อ ตามครรลองทุนนิยม

ส่วนที่สองคือเงิน บ้าน โรงแรมที่มีจำกัด ซึ่งช่วยเร่งให้ผู้เล่นแข่งกันรีบสร้าง ถ้าช้าไป โฉนดเปล่าที่ถือทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ เมื่อรวมกันแล้ว กติกาสองส่วนนี้เป็นเครื่องยนต์ที่ขับให้เกมวิ่งไปข้างหน้า แล้วกฎนอกเหนือจากนี้ เช่นค่าเช่าและการจำนอง ก็แค่ช่วยเร่งให้คนที่รวยอยู่แล้วรวยมากขึ้น จากการผูกขาดทรัพยากรในเกม

เล่นตามกติกาแบบนี้ ไม่เกิน 1:30 ชม. ก็จบ ถ้าไปเอากฎออก...

Continue reading →