Train To Busan

แก่นของหนังและนวนิยายซอมบี้ทุกเรื่องเหมือนกัน คือ โรคระบาดซึ่งมีมนุษย์เป็นเวคเตอร์ มีอัตราเสียชีวิต 100% มีระยะฟักตัวและสัมประสิทธิ์ความระบาด (R~0~) เป็นพารามิเตอร์ ส่วนซอมบี้นั้นเป็นแค่อาการของโรค

ดังนั้น แผนการรับมือกับซอมบี้ที่ถูกต้อง ก็เหมือนกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายเร็ว คือหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน เมื่อจำนวนคนมากขึ้นต้องแตกเป็นหลายกลุ่ม ในแง่ของยุทธวิธีอาจจะตั้งรับในวงล้อมเดียวกัน ภายใต้พันธะว่าแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบกันเอง เพื่อกักกันการระบาดอยู่ในวงแคบ ซึ่งกลุ่มอื่นสามารถตัดหางปล่อยวัดได้

ในช่วงแรกที่มีความสับสนและตื่นตระหนก ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจะเป็นอุปสรรค และทุกคนจะเฮโลตามคนที่มีภาวะผู้นำสูง ซึ่งคนนั้นอาจจะเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ห่วยแตก การจับกลุ่มเล็กๆ ช่วยให้เราต้องไว้ใจคนแค่ 10 คน แทนที่จะเป็น 50 และความเชื่อใจนี้จะเปิดทางไปสู่การทำงานร่วมกันเหมือนกลุ่มของพระเอก

อาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับโรคระบาดคือข้อมูลข่าวสาร ในความเห็นของผม การที่ตัวโกงเห็นแก่ตัวเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองและคนหมู่มากจากปัจจัยเสี่ยง แม้จะน่าเศร้าแต่ยังเข้าใจได้ แต่การไม่พยายามสื่อสารกับอีกกลุ่มที่มีความรู้และยุทธวิธีเหนือกว่า เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้

ปูซานมีประชากร 3,400,000 คน สมมติโดนกัดหนึ่งในสาม ก็จะมีซอมบี้ล้านกว่าตัว ต่อให้กักกันได้ แต่ภาคขนส่ง พลังงาน เกษตร สาธารณสุขเดี้ยงหมด เมืองก็สุสานหมู่ดีๆ นี้เอง ผมเปิดดูแผนที่จากโซลไปปูซาน 325 กม. ระหว่างทางมีชนบทหลายแห่งซึ่งมีความหนาแน่นประชากรไม่เกิน 20 คนต่อตร.กม. ชนบทมีความพึ่งพาตนเองได้สูง ผลิตอาหารเองได้ และง่ายต่อการป้องกันมากกว่า น่าจะเป็นชัยภูมิที่ดีที่จะเริ่มสร้างกระเปาะปลอดเชื้อขึ้น

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ได้ลดทอนความสนุกของหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมให้ 5 เต็ม

 
0
Kudos
 
0
Kudos

Now read this

แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวในสมัยของ Sharing Economy

ไดกลับไปสะพายเปเทียวยุโรปเปนครังแรกหลังจากเรียนจบมา แลวกทดลองคนหาดวยตัวเองวา ใน 4 ปีทีผานมา แพลตฟอรมบนอินเตอรเนต และ Sharing economy ได disrupt อุตสาหกรรมการทองเทียวแบบเดิมๆ ไปอยางไรบาง กับสองสัปดาหทีผมไมไดจองโรงแรมเลย แตหาบานดวย Airbnb,... Continue →