คุณไม่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์หรอก
คุณไม่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์หรอก
ผมจะอธิบายยังไงดีนะว่าการเขียนโปรแกรมเป็นการสนองความหลงไหล
คุณมองเห็นอักษรมากมายวิ่งบนจอ กับเงินเดือนก้อนโต ผมเห็นโจทย์ลับสมองที่รอให้ขบคิด
คุณเห็นงานค้างที่ยังไม่เสร็จ ผมเห็นภูเขาที่ยังรอให้เคลื่อน บ่อน้ำยังรอให้ขุด
คุณคิดว่า “ฉันก็แค่นั่งโต๊ะ จิ้มคอมพิวเตอร์ไปวัน ๆ” ผมลืมไปแล้วว่ามีโต๊ะ หรือว่าวันนั้นเป็นวันอะไร ลืมกระทั่งว่าเก้าอี้ผมน่ะพังมาตั้งแต่ผมเริ่มงานที่นี่แล้ว
คุณอาจจะพยายามสางงานที่มีคนนำมากองไว้ ในขณะที่ผมปั้นแต่งประติมากรรมในรหัสฐานสอง บางครั้งเรียบง่ายแต่ทรงพลัง บางครั้งก็ยิ่งใหญ่และหรูหรา แต่ทุกครั้งแฝงไปด้วยความมุมานะ และขวนขวายที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น
คุณไม่อยากหัดเป็นโปรแกรมเมอร์หรอก คุณเป็นอยู่แล้ว หรือไม่งั้นก็ไม่ได้เป็นไปเลย เพราะไม่มีโรงเรียนไหน จะสอนให้คุณรักมันได้ อย่างมากก็แค่ให้ทักษะที่จำเป็น แล้วการรู้วิธีแกะสลัก จะมีความหมายอะไรกันล่ะ ถ้าคุณมองไม่เห็นความอัศจรรย์ในรูปปั้นดาวิด
คุณอาจจะใช้เวลาแต่ละวันนั่งสกัดก้อนหิน ผมใช้เวลาแต่ละวัน รังสรรค์ความงดงาม คุณจะเลิกงานกลับบ้านโดยที่รู้สึกเหนื่อยล้าและว่างเปล่า ผมจะกลับบ้านด้วยใจพองโต
สำหรับเราแล้ว มันเป็นยาเสพติด ที่ทำให้อะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน ทำได้แล้ว! แก้ได้แล้ว!
คุณ… ก็แค่เริ่มจับงานชิ้นต่อไป
คุณไม่อยากมาเป็นโปรแกรมเมอร์หรอก เพราะเราไม่ได้ถูกสร้าง แต่เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันคือความหลงใหล คืองานฝีมือ คือศิลปะ เราหมกมุ่นอยู่กับโจทย์ปัญหา ทั้งรัก ทั้งชัง บรรดาบั๊กอันชวนเวียนหัวทั้งหลายแหล่ ที่ผลัดกันเสนอตัวขึ้นมาไม่เว้น “ทำไมเป็นซะอย่างนั้นล่ะ?! ไม่สมเหตุสมผลเลย!” เรามักแสร้งร้องด้วยความขุ่นเคือง แต่ในใจนั้นลิงโลด เพราะการล่าได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
คุณ… “มีปัญหาบางอย่างในแอพพลิเคชั่นอีกแล้ว และก็ เอ้อ รีบแก้ให้ทันเอาไปเดโมในอีก 20 นาทีนะ”
—ถอดความจาก You really don’t want to “become” a programmer โดย Kay Rhodes